ต่อจากบทความก่อนหน้าเรื่องข้อสังเกตเกี่ยวกับการเขียนนะคะ ครั้งนี้ผู้เขียนก็ขอเสนอข้อสังเกตอีกข้อที่ทิ้งท้ายไว้ค่ะ
ศึกษาจากตัวอย่าง
สำหรับผู้เขียนเองเทคนิคนี้สามารถปรับใช้ได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว เพราะการเรียนรู้แต่ละอย่างเรามักจะเรียนรู้ผ่านทางต้นแบบต่าง
ๆ ขนาดครูก็ยังถือว่าเป็นต้นแบบเป็นแบบอย่างเลยใช่ไหมคะ
ดังนั้นสำหรับผู้เขียนแล้วการเรียนรู้จากตัวอย่างจึงทำให้จดจำและสามารถนำไปใช้ได้จริงได้ง่ายกว่าการที่เราท่องหลักการใช้อย่างเดียว แต่ถ้าให้ดีผู้เขียนแนะนำว่าพัฒนาทั้งสองแบบจะทำให้ดียิ่งขึ้นไปอีกค่ะ
แล้วศึกษาจากตัวอย่างต้องทำอย่างไร?
ผู้เขียนขอเสนอวิธีที่ผู้เขียนใช้เองค่ะ
คือวิธีการอ่านและการสังเกต ในบางครั้งเราไม่สามารถอ่านและเข้าใจเนื้อหาได้ทันทีหรืออาจจะไม่ค่อยเข้าใจเลยก็ได้สำหรับผู้เขียนเองก็ยังอยู่ในระดับนี้นี่แหละค่ะ แต่ผู้เขียนก็สามารถสังเกตสำนวนการเขียนต่าง ๆ
การเว้นวรรค การเน้นคำ เน้นประโยคต่าง ๆ
ให้ดูเป็นบทความที่มีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้นได้
ตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายหากเป็นบทความทางวิชาการเราสามารถสืบค้นและหาอ่านทั่วไปเลยค่ะ และอีกอย่างง่าย ๆ
ก็คือบทความในข้อสอบนั่นเองค่ะ จะได้ฝึกอ่านด้วยและฝึกทำไปด้วยเลยในตัว
และข้อสุดท้ายที่ผู้เขียนขอนำเสนอ คือ
การเปิดใจค่ะ
การเปิดใจรวมไปถึงการเปิดสมองต้อนรับความรู้ต่าง
ๆ เพื่อทำให้เราสามารถศึกษาหาความรู้ใหม่เพิ่มมาได้ค่ะ การเรียนรู้มักจะทำให้เรารู้เยอะขึ้น
รู้มากขึ้น และการเปิดใจยอมรับความรู้นั้นก็จะทำให้เราสามารถนำความรู้มาใช้ได้มากขึ้นค่ะ
ตามธรรมเนียมผู้เขียนนะคะ
ครั้งนี้ขอปิดท้ายบทความไปด้วยบทเพลง ชื่อว่า If I Die Young ของ The
Band Perry ที่มาของเพลงนี้คือลูกพี่ลูกน้องของผู้เขียนชอบฟังค่ะเลยติดหูมาด้วย ตอนแรกก็คิดว่าเป็นเพลงสบาย ๆ
ดีค่ะคิดว่าเกี่ยวกับความรักประมาณนั้น
จนพอตั้งใจฟังดี ๆ แล้ว
ศึกษาเนื้อหาดูแล้วถึงได้ทราบความหมายของเนื้อเพลงค่ะ ซึ่งเพลงนั้นมักจะสีเสน่ห์ในตัวอยู่อย่างค่ะ
คือเราสามารถตีความได้ต่างกันออกไป
เลยอยากมาแบ่งปันเพลงนี้กันค่ะ
โดยรวมเนื้อหาของเพลงจะบ่งบอกว่าชีวิตคนเรามันสั้น
เพราะงั้นก็ใช้ชีวิตให้คุ้มและจากไปอย่างสงบสุขและสวยงามค่ะ นี่ก็เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนเองเช่กันค่ะแลดูเหมือนเป็นเพลงจรรโลงใจได้ด้วยนะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น