วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Find Some Inspirations



        หลังจากบทความที่แล้วมีการทิ้งท้ายด้วยบทเพลง If I Die Young ไป บทความนี้ผู้เขียนเลยอยากจะนำเสนอบทเพลงอื่น ๆ บ้างค่ะ  เพื่อบอกว่าเราสามารถเรียนรู้ภาษาได้ตลอดเวลาไม่จำเป็นว่าต้องอยู่ในเวลาเรียนหรือแค่ในห้องเรียนเท่านั้นค่ะ

        แต่ว่าถ้ามาเรียนรู้ภาษาจากเพลงแล้วจะได้อะไร

        การเรียนรู้จากบทเพลงหรือสื่อมีเดียต่าง ๆ จะมีข้อดีอยู่อย่างคือเราเลือกในสิ่งที่เราสนใจที่จะรู้ค่ะ  บางครั้งความรู้นั้น ๆ อาจจะเป็นของแถมมาด้วยซ้ำ  แต่ผู้เขียนก็ขอแนะนำวิธีนี้ไว้ใช้เพื่อผ่อนคลายตัวเองได้ด้วยค่ะ  สำหรับผู้เขียนคิดว่าสิ่งที่เราได้มาจากเหตุการณ์รอบตัวเรามักจะสามารถจดจำและนำมันไปใช้ได้ดีกว่าการท่องจำอย่างเดียวค่ะ

        เพลงแรก เป็นเพลงของKaty Perry – This Is How We Do
        ในเพลงนี้จะมีสำนวนประมาณว่า “It’s no big deal.” ซึ่งแปลว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย  ก็ชีวิตฉันเป็นแบบนี้ไม่จำเป็นต้องไปทำตามคนอื่นเลย


         ถ้าสนใจเนื้อหาแบบเต็มสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ด้วยตัวเองเลยค่ะ

        เพลงต่อมาก็ขอนำเสนอเพลงที่ชอบของตัวเองเช่นกันค่ะ เป็นเพลงของ Ronan Keating – When You Say Nothing At All  เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินกันมาบ้างหรือถ้าไม่ก็ลองฟังดูได้นะคะ  โดยส่วนตัวชอบเพลงมากค่ะเพราะทำนองที่ฟังสบายแล้วก็เสียงร้องค่ะที่ทำให้ฟังดูสบาย ๆ รื่นหูไปอีก
        แต่นอกจากท่องทำนองและเนื้อร้องจากเพลงนี้แล้วนั้นก็คือเนื้อหาของเพลงค่ะ เพลงนี้มีเนื้อหาที่ไม่ซับซ้อนสามารถเข้าใจได้โดยง่ายค่ะ  เรามาเริ่มจากชื่อเพลงกันก่อนนะคะ When You Say Nothing At All  จำไว้นะคะว่าภาษาอังกฤษก็คือภาษาอังกฤษอาจมีความคล้ายคลึงกันกับภาษาไทยได้แต่ไม่ทางเหมือนกันไปหมดอย่างแน่นอนค่ะ  ถ้าแปลกันแบบตรงตัวหน่อยอาจได้ว่า เมื่อคุณพูดไม่มีอะไรเลย ก็ดูจะมีความหมายที่เข้าใจได้ในตัวอยู่นะคะเพียงแต่ว่าผู้ส่งสารไม่ได้ต้องการอย่างนั้นค่ะ  และการแปลแบบตรงตัวนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้ไปตลอดด้วยนะคะ  ดังนั้นชื่อเพลงเลยอาจมีใจความว่า  เมื่อคุณไม่ได้พูดอะไรเลย แบบนี้ดูน่าจะเหมาะและเพราะกว่าค่ะ 

 
        จุดประสงค์ของการสร้างบล็อกนี้ขึ้นมาก็เพื่อบอกเล่าทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผู้เขียนสังเกตและศึกษาเองนะคะ เพราะฉะนั้นผู้เขียนจะไม่แปลทั้งเพลงแน่ค่ะเพราะสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว  เพียงแต่ผู้เขียนอยากจะแบ่งปันความคิดเห็นของผู้เขียนเท่านั้นค่ะ
        สิ่งที่ผู้เขียนอยากนำเสนอ คือ โครงสร้างภาษา ซึ่งในเพลงนี้ขอเสนอ 2 อย่างที่เข้าใจได้โดยง่ายค่ะ
        อย่างแรกคือการใช้ Say nothing ค่ะ ทำไมถึง say nothing มันคืออะไร พูดแต่พูดว่าไม่มีอะไรเหรอคือถ้าเราเข้าใจและแปลอย่างนี้จะทำให้เนื้อหาข้อมูลผิดพลาดไปได้แน่ค่ะ  การใช้คำแบบนี้เป็นลักษณะเฉพาะที่ถ้าสังเกตดี ๆ ในภาษาอังกฤษจะมีแบบนี้เยอะมากค่ะ  ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้ Verb ตัวไหนค่ะ  อย่างเช่นประโยค I have no money.  เราสามารถแปลได้ว่าฉันไม่มีเงินไปเลยค่ะ ไม่ต้องมาแปลฉันมีไม่เงิน  แบบนี้จะทำให้งงไปกันใหญ่นะคะ  แล้วถ้าเราอยากใช้แค่ I don’t have money. ล่ะ ก็ใช้ได้ค่ะเพราะความหมายก็ในทำนองว่าไม่มีเงินเหมือนกัน  แต่ผู้เขียนคิดว่าแบบที่สองจะเป็นในเชิงตอบปฏิเสธมากกว่าค่ะ อย่างแรกเราใช้เป็นประโยคบอกเล่าในตัวได้เลยค่ะ
         ส่วนอีกอย่างคือคำว่า at all  ค่ะ ซึ่งมีความโดยเข้าใจง่ายว่า เลย  ค่ะ อย่างเช่น I don't it at all. ซึ่งสามารถแปลได้ว่าฉันไม่ชอบมันเอาซะเลย อย่างนี้เป็นต้นค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น