British accent & American
accent.
สำหรับผู้เขียนเองแล้วเชื่อว่าใครที่เรียนภาษาอังกฤษเนี่ยจะทราบมาว่าภาษาอังกฤษที่ใช้กันอยู่เนี่ยหลัก
ๆ ก็มักจะมีอยู่ 2 สำเนียงใช่ไหมคะ
แล้วก็บ่อยครั้งที่เวลาคนเรียนรู้หรือผู้ใช้ภาษามักจะบอกว่าทั้งสองสำเนียงมีความต่างกันอยู่มากมาย ไม่ว่าจะด้วยการออกเสียงหรือด้วยคำศัพท์ หรือแม้แต่หลักไวยากรณ์ที่ถูกจำกัดความไว้ก็ยังสามารถแตกต่างกันได้เช่นกัน
แล้วเราควรเลือกอะไร?
คำตอบของผู้เขียนคือไม่เลือกค่ะ
เพราะอันที่จริงแล้วจากการสังเกตการณ์เรียนภาษาอังกฤษในระบบการศึกษาไทยโดยทั่วไปแล้วเนี่ยเราจะเรียนแบบผสมค่ะ เราสามารถสังเกตได้จากสิ่งรอบตัวหลายอย่างของไทยนะคะที่มักจะไม่เอนเอียงไปทางใดทางหนึ่งอย่างชัดเจน หากทางเลือกต่าง ๆ
ที่มีมามีคุณประโยชน์ด้วยกันแล้วเราเองก็มักที่จะใช้การผสมผสานเข้าด้วยกันค่ะ
ที่จริงแล้วผู้เขียนเองก็อาจไม่มีความรู้มากพอที่จะไปตัดสินได้ว่าการระบบการศึกษาของไทยเป็นแบบผสมจริง
ๆ รึเปล่านะคะ
แต่ก็ตามที่บอกค่ะว่ามาจากการสังเกตเข้าด้วยกัน
อย่างคำศัพท์บางคำที่เราใช้ก็เป็นแบบอเมริกัน
แต่บางครั้งการออกเสียงของเราก็ดันเป็นแบบอังกฤษ(หรือ British) ไปก็ได้นะคะ
ถ้าเกิดเรียนแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ควรทำยังไง?
ใจจริงของผู้เขียนก็อยากจะตอบเป็นเอลซ่า
ว่า “Let
it gooooooo.” ไปค่ะ
แต่จะดูไม่ได้ช่วยอะไรมากเท่าไหร่
คือผู้เขียนขออธิบายเหตุผลกันซะหน่อยนะคะ
คนเรามีจุดประสงค์และจุดมุ่งหมายของการเรียนรู้ต่างกันค่ะ
และสำหรับผู้เขียนเองผู้เขียนคิดว่าการเรียนรู้ภาษาต่าง ๆ
ไม่จำเป็นต้องเป็นภาษาอังกฤษนะคะ
จุดประสงค์ที่สำคัญคือ เพื่อการสื่อการค่ะ
เพราะเราใช้ภาษาเป็นสื่อกลางในการสื่อสาร
แล้วพอมามองในมุมของภาษาอังกฤษที่ผู้เขียนกำลังศึกษาอยู่นี้ผู้เขียนเชื่อมั่นอย่างยิ่งค่ะว่าจะด้วยสำเนียงไหนแล้วคนเราก็สามารถสื่อการกันเข้าใจได้ค่ะขอแค่ไม่ออกเสียงคำผิดไปก็เท่านั้นเอง
และสำหรับหลายคนที่เรียนภาษาแล้วคิดว่าแต่ละสำเนียงมีเสน่ห์ที่น่าค้นหาต่างกัน และเราเองก็อยากจะพูดสื่อสารในแบบนั้น ๆ
ได้ ผู้เขียนแนะนำว่าฝึกเยอะ ๆ ค่ะ
อย่างที่ได้บอกไปสำหรับผู้เขียนการเรียนภาษาให้ดีได้เนี่ยเราต้องลอกเลียนแบบเก่งด้วยค่ะ
และก็อย่าลืมนะคะว่าเราแค่ไปลอกเลียนแบบมาเราไม่ได้เป็นคนคิดหรือคนใช้ภาษานั้น
ๆ ตั้งแต่แรกเกิด
การที่เราจะพูดหรือสื่อสารในสำเนียงของเราเองที่อาจจะผสมผสานหลากหลายสำเนียงเข้าด้วยกันมันก็ไม่ผิดหรือแปลกเลยค่ะ เพราะเราก็คือเรา ถ้าผู้รับสารเข้าใจสารที่เราส่งไปในความหมายเดียวกันกับเรานั่นก็ถือว่าประสบความสำเร็จมากแล้วค่ะ
สุดท้ายนะคะผู้เขียนไม่ได้ต้องการบังคับให้ผู้อ่านเจาะจงเลือกเรียนในแบบใดแบบหนึ่งนะคะ
แต่ผู้เขียนต้องการบอกความคิดของผู้เขียนผ่านทางตัวอักษรทั้งหลายนี้ว่าสิ่งสำคัญคือเราสื่อสารแล้วเข้าใจกันได้ค่ะ
แต่ก็อย่าลืมเรื่องวัฒนธรรมที่แตกต่างกันของแต่ละที่ด้วยนะคะ
แม้ว่าเราอาจจะสื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษเหมือนกันก็จริงแต่บางทีความหมายของคำศัพท์หรือรูปประโยคก็อาจมีความหมายแตกต่างกันไปตามแต่ละที่นะคะ
ท้ายที่สุดอย่างแท้จริงค่ะ >_<
ผู้เขียนเชื่อว่าหลายคนคงรู้จักอาจารย์อดัมกันนะคะ
ผู้เขียนเลยขอยกวิดีโอตัวหนึ่งที่อาจารย์อดัมได้พูดคุยกับเพื่อนต่างสำเนียงดูค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น